11 สิงหาคม 2566
สถิติการตลาด Word of Mouth และ Influencers
Word of mouth Marketing Word-of-mouth Word-of-momarketingหรือ การตลาดแบบปากต่อปาก สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคต่อปีได้มากถึง 6 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าอาจจะเป็น 13% ของยอดขายทั้งหมด โดยพบว่าแบรนด์ที่กระตุ้นด้วยการสร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างแท้จริงจะทำให้เกิดการบอกต่อ ได้มากกว่าแบรนด์ทีสร้างอารมณ์ร่วมได้เล็กน้อยถึง 3 เท่า ซึ่งหมายความว่าแบรนด์ต่างๆ ต้องหันมาให้ความสำคัญในการวางตำแหน่งแคมเปญการตลาด ผลิตภัณฑ์ และประสบการณ์ของลูกค้า เพื่อให้สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าให้ได้มากที่สุด
การตลาดแบบปากต่อปาก กับ การสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
- 88% ของผู้บริโภค เชื่อการรีวิวในออนไลน์จากผู้บริโภคคนอื่น พอๆกับการเชื่อคำแนะนำจากคนใกล้ชิดหรือครอบครัว
- 49% ของผู้บริโภค จะซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น หากรู้สึกมั่นใจเรื่องการจัดส่ง และอีก 57% มีเกณฑ์ไม่ใช้ซ้ำหากมีการจัดส่งล่าช้า
- 90% ของผู้บริโภค มีแนวโน้มที่จะไว้วางใจและซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่เพื่อนแนะนำ
- 88% ของผู้บริโภค จะเชื่อใจมากหากได้รับการแนะนำแบบปากต่อปากจากคนรู้จัก
การตลาดแบบปากต่อปาก กับ การตลาดแบบ Influencers
- “การตลาดแบบ Influencers” ถูกเสิร์ชบน Google เพิ่มขึ้น 1,500% ใน 3 ปีที่ผ่านมา
- 80% ของนักการตลาดเชื่อว่าการตลาดแบบ Influencers มีประสิทธิภาพ
- 63% ของผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 34 ปีเชื่อสิ่งที่ Influencersพูดถึงแบรนด์มากกว่าที่แบรนด์พูดถึงตัวเองและ 22% ของคนอายุ 18-34 ปี ตัดสินใจซื้อเพราะรับอิทธิพลจาก Influencers
- 80% ของผู้บริโภคซื้อสินค้าผ่านคำแนะนำจาก Influencers
- 41% ของลูกค้าค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ ผ่าน Influencers ทุกสัปดาห์
การตลาดแบบปากต่อปาก กับ การสร้างความภักดีต่อแบรนด์
- แบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ร่วมที่สูงขึ้นจะได้รับการบอกต่อเพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่า
- 28% ของผู้บริโภคกล่าวว่าคำแนะนำแบบปากต่อปากช่วยเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์
- ลูกค้าที่ได้รับโปรโมชั่นแบบปากต่อปากจะใช้จ่ายมากขึ้นถึง 200%
ที่มา: https://www.lxahub.com/stories/word-of-mouth-marketing-stats-and-trends-for-2023