8 ตุลาคม 2561
VGI Group โชว์งบ Q2 พุ่งทะยานทุกแพลตฟอร์ม Rabbit Line Pay ผลตอบรับเยี่ยม! ผู้ใช้เพิ่มขึ้น 55.2% เป็น 4.5 ล้านคน !
บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ(VGI) ผู้นำ Offline-to-Online (“O2O”) Solutions รายแรกและหนึ่งเดียวในประเทศไทย ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 61/62 (ก.ค.-ก.ย.61) ทำรายได้รวม 1,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่เติบโตตามกลยุทธ์วางไว้ของธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) และจากแนวโน้มผลการดำเนินกิจการที่มีพัฒนาการโตขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจจึงผลักดันให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง
คุณเนลสัน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทศวรรษที่ผ่านมาโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากอิทธิพลของอินเทอร์เน็ตที่เข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมการสื่อสารของผู้คนในยุคปัจจุบัน ทำให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที VGI ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึ้นจึงเริ่มปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจจากผู้ให้บริการสื่อนอกบ้านขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวเข้าสู่การเป็นผู้นำตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่นจากการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ผ่านแพลตฟอร์มสื่อโฆษณา แพลตฟอร์มการบริการชำระเงิน และแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ โดยสามารถนำข้อมูลจากแพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้มาช่วยส่งเสริมการขาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ 360 องศา มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นเครื่องมือผลักดันให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ในทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ VGI มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตและการแข่งขันในตลาดได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สำหรับไตรมาสนี้ กำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 260 ล้านบาท เติบโต 28.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มธุรกิจของบริษัทมีพัฒนาการที่สำคัญโดยเริ่มจาก
ธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัทฯ สร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจด้วยการขยายเครือข่ายไปยังต่างประเทศ และขยายขีดความสามารถด้านดิจิทัลผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญภายใต้การบริหารงานของ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO โดยในไตรมาสนี้ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านมีรายได้อยู่ที่ 909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน การขยายตัวของรายได้ถูกขับเคลื่อนโดยผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นจากธุรกิจสื่อโฆษณากลางแจ้ง สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงานและสื่ออื่นๆ
สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน มีรายได้ 535 ล้านบาท ลดลง 7.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการสิ้นสุดของสัญญาแคมเปญ O2O โซลูชั่นส์บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยมีรายได้อยู่ที่ 57 ล้านบาท ลดลง 30 ล้านบาท จาก 87 ล้านบาทในช่วงเดียกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากสัญญาส่วนใหญ่ของแคมเปญ O2O โซลูชั่นส์ได้สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 61 ซึ่งตรงกับช่วงสิ้นสุดการใช้จ่ายงบประมาณของลูกค้าและบริษัทตัวแทนสื่อโฆษณา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดว่าการลดลงดังกล่าวจะเป็นผลกระทบในระยะเวลาสั้นเท่านั้นและเชื่อว่าลูกค้าจะกลับมาใช้สื่อเป็นปกติในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้
สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงานและอื่นๆ มีรายได้อยู่ที่ 109 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.7% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักจากอัตราการใช้สื่อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นราคาของสื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับสัญญาในการบริหารสื่อในอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการให้บริการสื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน ด้วยจำนวนอาคารภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 177 อาคาร และมีจอดิจิทัล 1,374 จอ
ขณะที่สื่อโฆษณากลางแจ้งมีรายได้ 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากสื่อโฆษณาดิจิทัลบิลบอร์ด จำนวน 35 จอ
ธุรกิจบริการชำระเงิน (ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล) มีพัฒนาการของผู้ใช้บริการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เริ่มจาก Rabbit LinePay ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 55.2% เป็น 4.5 ล้านราย โดยปัจจัยสนับสนุนจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานใหม่บน LINE แอพพลิเคชั่น ให้มีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น และเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 บริษัท แรบบิท-ไลน์เพย์ จำกัด (“RLP”) และ BTS ได้ทดลองให้บริการ “Bind, Tap & Ride” บน 20 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งบริการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกและให้ประสบการณ์แบบไร้รอยต่อแก่ผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสกว่า 800,000 คนต่อวัน โดยผู้ที่ถือบัตรแรบบิทสามารถผูกบัตรดังกล่าวกับ Rabbit LinePay และเชื่อมช่องทางการจ่ายเงินทั้งสองรูปแบบให้กลายเป็นกระเป๋าสตางค์ใบเดียวกันได้ (single e-wallet) บริการนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญของกลุ่มบริษัทในการผลักดันให้สังคมเข้าสู่สังคมไร้เงินสด รวมถึงสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นแบบไม่มีสะดุดแก่ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ในส่วนของบัตรแรทบิทที่เป็นช่องทางการชำระเงินแบบออฟไลน์ มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็น 9.8 ล้านใบ เข้าใกล้เป้าหมายสำหรับที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 10.5 ล้านใบ และบริการ Rabbit AEON ธุรกิจให้กู้ยืมเงินขนาดเล็ก (micro-loan) มียอดการปล่อยกู้ทั้งสิ้นจำนวน 1,529 ล้านบาทในระยะเวลา 6เดือนที่ผ่านมา โดยการเติบโตของธุรกิจบริการด้านดิจิทัลในไตรมาส 2 ปี 61/62 มีรายได้ 299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243.6% จากช่วงเดียวกันลองปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการควบรวมงบการเงินของกลุ่มทรานส์ แอด โดย MACO รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริหารโครงการและการขายบัตรแรบบิทของ แรบบิท กรุ๊ป
ธุรกิจขนส่ง เพื่อนำเสนอบริการด้านการตลาดครบวงจรรูปแบบใหม่ ผ่าน synergy ของสื่อโฆษณาและธุรกิจขนส่งสินค้า ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา VGI ได้ร่วมมือกับ Kerry Express ทดลองให้บริการส่งสินค้าทดลอง โดยแนบไปกับกล่องส่งสินค้า (“Smart sampling”) ผ่านเครือข่ายโลจิสติกส์ของ Kerry Express ซึ่งภายใน 1 เดือนหลังจากการให้บริการบริษัทฯ สามารถส่ง smart sampling จากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ FMCG ชั้นนำ ได้ถึง 70,000 ชิ้น โดยมีอัตรา Conversion สูงถึง 3 – 5% เทียบกับระดับเฉลี่ยของตลาดที่ 0.5%
สำหรับแนวโน้วตลาดสื่อโฆษณาจากนี้น่าจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยรับอานิสงส์จากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในต้นปี 62 ที่คาดว่าจะส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นผลดีการใช้จ่ายงบประมาณโฆษณา นอกจากนี้การเติบโตตลาดอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ที่มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นถึง 30% ต่อปี จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่มีความนิยมใช้สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตมากขึ้น รวมไปถึงผลของการควบรวมงบการเงินของกลุ่มทรานส์ แอด ทำให้บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปี 2561/62 เป็น 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 4,400 – 4,600 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ จะอยู่ที่ 20 – 25% ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว.